9ccaa238-1dc4-4f4c-8350-d16e1a3f8646

นายนพพล เหลือทองนารา สส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง สถาบันการเงินและตลาดการเงิน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีนโยบาย ปัดฝุ่นโครงการ “คนละครึ่ง” เพื่อช่วยกระตุ้นการจับจ่ายของประชาชน และลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ทางคณะกรรมาธิการพร้อมสนับสนุนเพราะมีประโยชน์กับประชาชนโดยตรง นายนพพล กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวแม้จะได้รับการตอบรับจากประชาชน แต่ที่น่าเห็นใจคือบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่เข้าร่วมโครงการต่างหวาดผวากับโครงการนี้เพราะที่ผ่านมาหลังจากเข้าร่วมโครงการการพบเจ้าหน้าที่กรมสรรพกร ไล่เก็บภาษีกับผู้ประกอบการในอัตราที่สูงมาก ทั้งพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสด หรือแม้แต่หาบเร่แผงลอย จะมีเจ้าหน้าที่สรรพกรไล่เช็คบิลเก็บภาษีย้อนหลัง บางร้านที่มีข่าวว่าขายดีพบเจ้าหน้าทีสรรพกรไปนั่งนับจานชามใส่สินค้าให้กับลูกค้าในแต่ละวันเพื่อมาคำนวนภาษีใหม่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายหวั่นว่าจะเปิดทางให้สรรพกรมารีดภาษีอีกครั้ง เพราะแม้ขายได้แต่ก็เสียภาษีมากกว่าปกติ ผู้ประกอบการบางรายหลังจ่ายภาษีแล้วไม่มีเงินซื้อวัตถุดิบมาขายใหม่ ดังนั้นรัฐบาลควรกำชับว่าถ้าจะช่วยประชาชนก็ควรช่วยทุกกลุ่มไม่ควรเอาเปรียบผู้ประกอบการมากกว่าที่เป็นอยู่ “นอกจากนี้ในนโยบายที่รัฐบาลที่ประกาศว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนนั้น เป็นนโยบายที่ดีหากทำได้จริง แต่ที่ผ่านมานโยบายปล่อยเงินกู้จะพบว่าผู้ประกอบการหลายรายไม่สามารถเข้าถึงเงินกู้ได้จริง เพราะรัฐบาลจะปล่อยให้ธนาคารเอกชนดำเนินการ ส่งผลให้มีขั้นตอนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่วุ่นวาย ตรวจสอบนานมาก นอกจากนี้หากอยากได้เงินกู้จริงธนาคารจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติ ผู้ประกอบการหลายรายเลือกปิดบริษัทมากกว่าที่จะกู้เงินจากโครรงการดังกล่าว อยากฝากไปยังนายอนุทินว่า หากต้องการช่วยผู้ประกอบการจริงต้องจริงใจไม่เปิดทางให้ธนาคารเอกชน-นายทุนหาประโยชน์จากนโยบายรัฐ”นายนพพลกล่าว